เรียนต่อต่างประเทศกับ GoUni

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Host Family / Homestay ดีอย่างไร

 


น้องๆหลายคนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศคงกำลังคิดอยู่ใช่มั้ยครับว่าจะเลือกที่พักแบบไหนดี แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมี Homestay หรือ Host Family อยู่ด้วย บทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องนี้กันครับ



Homestay หรือ Host Family คือ ที่พักที่ให้บริการโดยครอบครัวคนท้องถิ่นของเมืองนั้นๆอาจจะมีลักษณะเป็นบ้านทั้งหลัง (สำหรับนอกเมืองใหญ่) หรือเป็นอพาร์ทเม้นต์ (สำหรับในเมืองใหญ่) Homestay มักจะรับน้องๆที่อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป โดยเค้าจะคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายอาทิตย์ ซึ่งราคาจะแตกต่างกันตามขนาดของห้องและประเภทของ Homestay โดยปกติแล้ว Homestay จะอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนที่เราเรียนมากนัก (ส่วนใหญ่ใช้เวลาในการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนไม่เกิน 30 นาที) โฮสฯส่วนใหญ่แล้วจะเข้าใจความต้องการของนักเรียน เนื่องจากโฮสฯเหล่านี้มีประสบการณ์ในการรับนักเรียนต่างชาติมาหลายปี




Homestay จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

1) BB = Bed and Breakfast คือ มีอาหารเช้าให้ทานอย่างเดียว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกแซนวิส, คอนเฟล็กซ์, นม, ขนมปัง เป็นต้น
2) HB = Half-Board คือ มีอาหารเช้าและเย็นให้ มื้อเย็นส่วนใหญ่จะเป็นมื้อที่ค่อนข้างหนัก เช่น สเต็ก, สตูว์ เป็นต้น
3) SC = Self-catering คือ หาทานเอง


เวลาเลือกโฮสฯ เลือกอย่างไร หลายๆคนคงอยากรู้ใช่มั้ยครับ มาดูขั้นตอนกันครับ
1. แจ้งความประสงค์ว่าเราต้องการโฮสฯประมาณไหนในลักษณะกว้างๆ เช่น ไม่ต้องการสัตว์เลี้ยง ไม่ต้องการมีเด็กเล็ก ไม่สูบบุหรี่
2. เลือกประเภทของห้อง เช่น Standard (ขนาดห้องมาตรฐาน), Single bedroom (ห้องนอนเดี่ยว), twin bedroom (ห้องนอนสำหรับ 2 คน อันนี้แนะนำสำหรับน้องๆที่เดินทางไปด้วยกันครับ), BB, HB, SC เป็นต้น
3. ระบุวันที่ต้องการเข้าพัก

หมายเหตุ เราอาจจะแจ้งเพิ่มเติมในบางเรื่องได้ (เช่น แพ้อะไร ต้องการอะไรเพิ่มเติมที่พิเศษ) แต่ทั้งนี้การแจ้งหมายเหตุนี้ เราจะต้องดูว่ามีโฮสที่สามารถรับคำร้องพิเศษนี้ได้หรือไม่ และเค้าว่างในช่วงเวลาที่เราจะเข้าพักหรือไม่ด้วย



ข้อดีของการพักกับ Host Family ได้แก่
1. ได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของคนในชาตินั้นๆอย่างแท้จริง
2. ได้ฝึกภาษาอังกฤษมากขึ้น เพราะเราจะได้คุยกับตัวเจ้าของบ้านทุกวัน
3. ได้รับคำแนะนำต่างๆจากโฮสฯมากมาย เช่น เรื่องการเดินทาง เป็นต้น
4. ประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของที่พัก เพราะที่พักแบบนี้มักจะมีราคาถูกกว่าการอยู่หอพัก
5. อยู่ใกล้โรงเรียน ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 30 นาที
6. บางครั้งโฮสจะพาเราไปเที่ยวกับเค้าด้วย
7. ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น หากโฮสบ้านไหนมีหลายห้องนอน เค้ามักจะรับนักเรียนได้หลายคน ซึ่งเราอาจจะได้เพื่อนต่างชาติเพิ่มขึ้นอีกด้วย
8. สามารถเลือกได้ว่าต้องการอยู่นานเท่าไหร่ (ขั้นต่ำส่วนมากจะอยู่ที่ 1 เดือน)


สำคัญ!!! ในแต่ละบ้านจะมีกฎไม่เหมือนกัน เมื่อเราไปถึงบ้านเค้าแล้ว น้องๆจะต้องศึกษากฎของบ้านให้เข้าใจนะครับ รับรองว่าการอยู่โฮสฯจะเป็นความทรงจำที่ดีของน้องๆแน่นอนครับ


ครั้งหน้าเราจะมาพูดถึงเรื่องหอพักกันครับ
สนใจเรียนต่อต่างประเทศ ปรึกษาฟรีกับ GoÜni (ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศครบวงจร: คอร์สเรียน, ที่พัก, วีซ่า, ตั๋วเครื่องบิน) โทร 02-967-7003, 098-825-9840
ติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่ www.facebook.com/gouni.th
สามารถข้อมูลการศึกษาอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ www.gouni.co.th

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วิธีนั่งรถไฟในประเทศอังกฤษ (1)

วิธีนั่งรถไฟในอังกฤษ หลายคนกำลังสงสัยว่าจะเริ่มต้นยังไงดี ซื้อที่ไหนอย่างไร ขึ้นสถานีไหน มีชานชาลาเยอะแยะเต็มไปหมด แถมผู้ให้บริการก็มีหลายเจ้าด้วย ทาง GoÜni ได้รวบรวมขั้นตอนเหล่านั้นมาอธิบายให้น้องๆฟังกันครับ




ระบบรถไฟของประเทศอังกฤษถือได้ว่าเป็นระบบรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งมีบริษัทผู้ให้บริการการเดินรถถึง 28 บริษัท ถึงแม้จะมีผู้ให้บริการหลายบริษัท แต่ระบบการจัดการตารางเดินรถของที่นี่ถือว่าดีเยี่ยมครับ รถไฟมาตรงเวลาทุกขบวน ทำให้สะดวกต่อการวางแผนเดินทางไปที่ต่างๆ 
สำหรับการเดินรถไฟจะแยกเป็นการเดินรถในลอนดอน และการเดินรถไปเมืองอื่นๆ บทความนี้เราจะมาพูดถึงการเดินทางไปเมืองอื่นๆก่อนนะครับ






ลักษณะของตั๋วเดินทางจะเป็นเหมือนในรูป โดยจะมีรายละเอียดสำคัญๆดังนี้

1.Class ระบุชั้นที่นั่งว่าเป็นประเภทไหน standard class หรือ first class
2.Type ระบุว่าเป็นตั๋วประเภทไหน Peak time หรือ Off-Peak, แบบ Single (ไปอย่างเดียว) หรือ Return (ไปกลับ)
3.Date ระบุวันว่าเดินทางวันไหน
4.From ระบุว่าขึ้นจากสถานีไหน
5.To ระบุว่าลงสถานีไหน
6.Route ระบุว่าเดินทางได้ด้วยผู้ให้บริการรายไหน (ตั๋วบางชนิดอาจระบุผู้ให้บริการ เพราะฉะนั้นจะต้องรอขบวนของผู้ให้บริการรายนั้นเท่านั้น)
7.Price ระบุค่าตั๋ว


วิธีการซื้อตั๋วรถไฟมีทั้งหมด 3 วิธีดังนี้


 


วิธีที่ 1 ซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วกับเจ้าหน้าที่
น้องๆสามารถเดินไปที่เคาน์เตอร์และแจ้งว่าต้องการตั๋วประเภทไหน เดินทางวันและเวลาไหน จากนั้นชำระเงินด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิต/เดบิต เจ้าหน้าที่จะให้ตั๋วโดยสารมา เหมาะสำหรับคนที่ยังไ่มค่อยรู้ข้อมูลอะไรมาก เจ้าหน้าที่จะคอยช่วยเหลือครับ 





วิธีที่ 2 ซื้อตั๋วที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ
น้องๆจะต้องเดินไปที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติที่อยู่บริเวณสถานีรถไฟ (หน้าจอจะเป็นแบบจอสัมผัส) จากนั้นเลือกประเภทตั๋ว สถานีที่ และเวลาที่เราต้องการไป กรณีมีบัตรส่วนลดอย่าลืมกดเพื่อลดค่าตั๋วรถไฟ ชำระเงินด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิต/เดบิต รับตั๋วโดยสาร (และ/หรือเงินทอน) ที่ช่องด้านล่าง 
วิธีการนี้เหมาะสำหรับการเดินทางแบบที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าและไม่อยากต่อคิวซื้อกับเจ้าหน้าที่





วิธีที่ 3 ซื้อตั๋วออนไลน์
น้องๆสามารถเข้าไปจองตั๋วออนไลน์ได้โดยเข้าไปที่ www.nationalrail.co.uk เพื่อทำการจองตั๋วรถไฟ(หรือเช็ครอบรถไฟได้ที่นี่เช่นกัน) โดยกรอกข้อมูลวันที่และเวลาที่ต้องการเดินทาง สถานีตั้งต้น และสถานีปลายทาง จากนั้นจะมีรายละเอียดต่างๆพร้อมราคาขึ้นมาให้เราเลือก หากมีบัตรส่วนลดอะไรอยู่สามารถเลือกเพื่อลดราคาตั๋วรถไฟได้ เมื่อเลือกได้แล้วก็ทำการชำระเงินด้วยบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต ถ้าทำรายการเสร็จแล้วจะได้รับรหัสอ้างอิงไว้ใช้สำหรับการรับบัตร 


เมื่อถึงวันเดินทาง ให้ไปที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ใส่บัตรเครดิตหรือเดบิตที่ตัดบัตรในช่องใส่บัตร และรหัสอ้างอิงที่ได้รับตอนจองตั๋ว จากนั้นตั๋วก็จะออกมา 2 ใบ(อาจจะมากกว่าแล้วแต่เส้นทางที่ไป) โดยใบนึงจะเป็นตั๋วโดยสารไว้ใช้สอดที่ประตูทางเข้าหรือโชว์กับเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว ส่วนอีกใบนึงจะเป็นใบเสร็จการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต/เดบิต

การซื้อตั๋วทางออนไลน์เหมาะสำหรับคนที่วางแผนการเดินทางล่วงหน้าที่ค่อนข้างแน่นอน
ข้อดีของการซื้อตั๋วออนไลน์ คือ 

1) สะดวกสบาย รวดเร็ว สามารถรับตั๋วโดยสารล่วงหน้าก่อนวันเดินทางได้
2) ตั๋วบางครั้งอาจมีราคาถูกกว่าหรืออาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษ
3) สามารถระบุที่นั่งได้ว่าต้องการนั่งที่ไหน โซนไหน






พิเศษ!! สำหรับน้องๆที่มีอายุระหว่าง 16-25 ปี (หรือนักศึกษามหาวิทยาลัย) สามารถซื้อบัตรส่วนลดที่เรียกว่า 16-25 Railcard ค่าธรรมเนียมในการออกบัตร 30 ปอนด์ (ราคา ณ ปี2015) เพื่อเป็นส่วนลดในการซื้อตั๋วรถไฟได้ครับ บัตรนี้จะต้องพกติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟ เพราะเจ้าหน้าที่จะขอตรวจทุกครั้ง

การสมัครบัตรส่วนลด 16-25 Railcard สามารถสมัครได้ 2 วิธี คือ
1.สมัครออนไลน์ ได้ที่นี่  โดยเอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครได้แก่ สำเนาพาสปอร์ต, ไฟล์รูปถ่าย, บัตรเดบิต/เครดิต สำหรับชำระค่าบัตร (วิธีนี้บัตรจะถูกส่งไปที่บ้าน ใช้เวลาประมาณ 1 วันทำการหลังจากสมัคร)
2.มัครกับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วรถไฟ เพียงโชว์พาสปอร์ต, บัตรนักเรียน/นักศึกษา พร้อมรูปถ่าย 1 ใบ ชำระค่าบัตร (วิธีนี้จะได้บัตรทันที)
3.สมัครผ่านทางโทรศัพท์ โดยโทรไปที่ 0844 871 4036 ระหว่างเวลา 7:00AM - 22:00PM (วิธีนี้จะมีการคิดค่าโทรศัพท์ตามโปรโมชั่นที่ใช้อยู๋ และจะต้องส่งรูปไปให้เจ้าหน้าที่ทางไปรษณีย์ด้วย)






หลังจากขั้นตอนการซื้อตั๋วโดยสารแล้ว ก็มาดูว่าจะต้องไปที่ชานชาลาไหนด้วยการมองป้ายสีดำๆ จะมีโชว์ว่ารถไฟสายที่เราจะขึ้นนั้นอยู่ชานชาลาไหน จากนั้นเราก็เข้าสถานีรถไฟได้ด้วยการสอดบัตรโดยสารเข้าที่ประตูอัตโนมัติ แต่ในบางสถานีไม่ต้องสอด สามารถเข้าไปได้เลย แต่ระหว่างทางที่นั่งรถไฟจะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจบัตรเสมอ หากน้องๆไม่มีบัตรโดยสารจะต้องทำการซื้อบัตรกับเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว ซึ่งจะมีราคาแพง(ไม่สามารถใช้ส่วนลดได้)





เมื่อไปถึงที่ชานชาลาแล้ว ให้ตรวจสอบที่ดูป้ายอีกครั้งว่ารถไฟที่กำลังจะเข้า/ออกนั้น ผ่านเมืองที่เราจะไปมั้ยเพื่อความถูกต้องครับ เมื่อรถไฟมาจอดที่ชานชาลาแล้ว รอให้คนด้านในออกมาก่อน จากนั้นเราถึงจะขึ้นไปได้ครับ โดยหากมีการจองที่นั่งไว้ก็ให้ไปนั่งตามที่ที่จองไว้ แต่หากไม่ได้จองไว้เมื่อมีเจ้าของที่มาแสดงตัว เราจะต้องลุกเพื่อคืนที่นั่งให้เจ้าของที่ที่จองไว้ครับ 


ภายในรถไฟจะมีห้องน้ำไว้บริการ พร้อมทั้งมีพนักงานเข็นอาหารมาขาย หรือเราจะไปซื้อที่เคาน์เตอร์ขายอาหารก็ได้ครับ ระหว่างทางจะมีป้ายบอกเสมอว่ารถไฟกำลังจะถึงสถานีอะไร เมื่อถึงสถานีปลายทาง รถไฟจอดเรียบร้อยก็กดปุ่มเปิดประตูลงได้เลยครับ ขาออกก็สอดตั๋วโดยสารอีกรอบ เพื่อออกจากสถานี (บางสถานีคืนตั๋ว บางสถานีไม่คืนครับ)






เป็นอย่างไรบ้างครับ บทความนี้น่าจะช่วยให้น้องๆหมดกังวลเรื่องการนั่งรถไฟไปเมืองต่างๆในอังกฤษ (รวมถึงสก็อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ)ได้แล้วนะครับ แล้วเดี๋ยวบทความหน้าเราจะมาพูดถึงการนั่งรถไฟในลอนดอนกันครับ


สนใจไปเรียนต่อต่างประเทศติดต่อ GoÜni ได้ที่ 02-967-7003 หรือ 098-825-9840 ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
เข้ามาเยี่ยมชมFacebook ของเราได้ที่ www.facebook.com/gouni.th
หรือหาข้อมูลเรื่องเรียนต่อได้ที่ www.gouni.co.th